5 วิธีบำรุง ผิวแห้ง ให้กลับชุ่มชื้น มีสุขภาพดีด้วยวิธีธรรมชาติ
ไม่ใช่เฉพาะหน้าหนาวที่สาวๆ เจ้าของผิวแห้งต้องกังวลใจ แต่ไม่ว่าจะอยู่ซีซั่นไหนผิวแห้งกลับกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ที่ทำให้สาวๆ สูญเสียความมั่นใจขั้นสุด เพราะผิวแห้งนอกจากทำให้ดูสุขภาพไม่ดีแล้ว ยังทำให้ดูแก่ก่อนวัยง่ายกว่าสาวผิวมันหรือผิวผสมอีกด้วย โดยเฉพาะยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานมากเท่าไหร่อาจลุกลามไปกระทบจิตใจตามไปด้วย – ผิวแห้ง
‘ผิวแห้ง’ เกิดได้จากหลายสาเหตุ นอกจากการดูแลผิวที่ไม่ถูกวิธีแล้ว ยังเกิดจากสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ส่งผลให้ชั้นปกป้องผิวอ่อนแอ ไม่แข็งแรง เกิดการสูญเสียน้ำได้ง่าย มากกว่านั้น คือขาดสารให้ความชุ่มชื้นที่มีอยู่ในผิวมีปริมาณลดลง ซึ่งแบ่งระดับได้ดังนี้
1.ผิวแห้งน้อย > ผิวไม่เรียบเนียน ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว
2.ผิวแห้งปานกลาง > แห้งจนเป็นขุยมากขึ้น โดยทั่วไปเกิดจากผิวสูญเสียน้ำอย่างต่อเนื่อง
3.ผิวแห้งมาก > แห้งตึงและเป็นขุยจนบางครั้งมีอาการคันเฉพาะที่ร่วมด้วย เพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดี
วิธีรักษาปัญหาผิวแห้ง
กรณีที่ผิวแห้งไม่มาก จะใช้วิธีรักษาเบื้องต้นโดยการอาบน้ำในอุณหภูมิปกติ ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำในตอนเช้าและตอนเย็น โดยให้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้หมาดๆ ก่อนจึงค่อยทาโลชั่นลงไปผิว เพราะเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่ผิวกำลังดูดซึมได้ดี หรือเวลาที่รู้สึกว่าผิวมีความแห้งก็สามารถทาโลชั่นได้ตลอด ไม่ใช่เฉพาะหลังอาบน้ำเท่านั้น โดยโลชั่นที่ใช้ให้เลือกใช้ชนิดที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือมีสีเจือปนอยู่ เพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับผิวได้
กรณีที่ผิวแห้งมาก จนเกิดอาการแสบคัน แตก ลอกเป็นขุยหรือมีการอักเสบของผิวเกิดขึ้น สามารถรักษาด้วยการทานยาแก้คัน เช่น ยา hydroxyzine (Atarax), cetirizine (Zyrtec), loratidine (Claritin) หรือใช้ยาทาสเตียรอยด์ทา เพื่อลดอาการอักเสบและคันที่เกิดขึ้นกับผิว แต่ไม่ควรทายาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ เพราะยาอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นกับผิวได้ เช่น ผิวบางขึ้น ผิวติดเชื้อได้งานขึ้น เป็นต้น และในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่มาจากการเกา ให้ใช้วิธีการทานยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
บอกลาผิวแห้งด้วยวิธีง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
1.บ๊ายบายน้ำอุ่น ยิ่งอาบน้ำอุ่นจะยิ่งเป็นการกระตุ้นผิวให้แห้งมากขึ้น หยาบกร้าน เป็นขุย และเกิดการระคายเคืองได้ เพราะการอาบน้ำอุ่นในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมและนานเกินไป จะช่วยกระตุ้นการชะล้างน้ำมันบนผิวออกไปมากเท่านั้น
2.หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศแห้ง หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรสวมเสื้อคลุมเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย
3.ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีส่วนผสมของน้ำหอมในปริมาณมาก เพราะอาจมีการตกค้างและทำให้ผิวยิ่งแห้งและเกิดอาการระคายเคืองได้
4.ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แน่นอนว่าแค่ 8-10 แก้วแบบเบสิคคงไม่พอ ภาวะผิวขาดน้ำเกิดขึ้นง่ายๆ เพียงแค่คุณขาดน้ำ เพราะฉะนั้น ควรดื่มน้ำอย่างต่ำวันละ 1.5 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี
5.ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวทุกครั้งหลังอาบน้ำ (หรือทุกครั้งที่ต้องการ) ถ้าผิวของคุณแห้งจนแม้แต่ครีมก็เอาไม่อยู่ แนะนำให้ทาซีรั่มรองพื้นก่อน 1 ชั้น แล้วค่อยทาครีมทับอีกชั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีเป็นสองเท่า แถมยังช่วยเป็นเกราะคุ้มครองผิวไม่ให้หยาบกร้านได้ด้วย
Did you know?
การสูบบุหรี่จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ สารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่ยังสามารถทำลายเส้นใยผิว คอลลาเจนและอีลาสติน ที่เป็นตัวช่วยให้ผิวยืดหยุ่นเสียไป คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำจึงมีผิวที่แก่กว่าคนที่ไม่สูบถึง 1 ปี 4 เดือน ทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆทำให้ผิวเกิดอาการแห้งได้
สภาพแวดล้อมจะส่งผลกระทบต่อผิวง่ายมาก เช่น ความชื้นในอากาศ แสงแดด มลภาวะ การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง
โดยส่วนใหญ่ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งจะสามารถจัดการรักษาเองได้ไม่ยาก แต่หากเกิดอาการต่อไปนี้ อาจต้องไปพบแพทย์
- อาการไม่ดีขึ้น แม้จะพยายามรักษาอย่างดีที่สุดทุกวิถีทางแล้วก็ตาม
- ผิวแห้งที่มาพร้อมกับรอยแดง
- รู้สึกแห้งตึงที่ผิวและมีอาการคันขณะที่นอนหลับ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
- ผิวตกสะเก็ดหรือผิวลอกเป็นบริเวณกว้าง
- มีอาการปวด หรือการติดเชื้อจากการเกา