ปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว รอยฝ้าและแผลเป็น นับเป็นปัญหาผิวที่กวนใจแทบทุกคน ส่งผลให้คุณไม่มั่นใจ ในผิวพรรณของตนเอง บางคนเลือกที่จะแต่งหน้าและใช้เมคอัพลบเลือนจุดด้อย ใครที่กำลังเจอปัญหาน่าหงุดหงิดแบบนี้อยู่ล่ะก็ มาดูสาเหตุและวิธีลดจุดด่างดำบนใบหน้า – วิธีลดจุดด่างดำ
สาเหตุการเกิดจุดด่างดำกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
- จุดด่างดำที่ทิ้งไว้หลังหายจากการเป็นสิว
- จุดด่างดำที่ผุดขึ้นหลังจากเผชิญกับแสง UV
- จุดด่างดำที่เกิดเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะมาในรูปแบบของ กระ ฝ้า จุดด่างดำที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- จุดด่างดำที่เกิดหลังจากการเป็นแผล การติดเชื้อ อาการระคายเคือง จุดด่างดำที่เกิดจากกรรมพันธุ์
แต่ปัญหาดังกล่าวนั้นเราสามารถทำให้มันหายไปได้ไม่ยากเลย ด้วยการใช้กรดผลไม้เพื่อช่วยทำให้รอยดำนั้นจางลง เพราะกรดผลไม้จะเข้าไปกำจัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ โดยสูตรที่เราสามารถใช้ในการผลัดเซลล์ผิวได้ก็มีอยู่มากมายหลายสูตร มีทั้งสูตรโฮมเมดที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน และวิธีการที่ต้องพึ่งเครื่องมือของสถาบันความงามหรือคลินิกความงาม ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า เราสามารถใช้อะไรลดจุดด่างดำได้บ้าง
1.อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวหายเอง เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่อายุยังน้อยจนถึงวัยที่อายุ 20 ปีต้น ๆ ขอบอกเลยว่าคุณยังโชคดีมาก ๆ ถ้าเกิดรอยแผลหรือจุดด่างดำจากสิวก็เพียงแค่รอเวลาให้รอยดำจากสิวหายไปเอง แต่สำหรับสาวเลข 2 ปลาย ๆ และเลข 3 ขึ้นไป การที่จุดด่างดำจะหายไปได้เองก็คงจะเป็นเรื่องยาก
2.ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบแอลกอฮอล์เบสและแบบวอเตอร์เบส ส่วนการเลือกใช้ก็ดูว่าเราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง เรตินเอที่เป็นแอลกอฮอล์เบส หรือดิฟเฟอรินเป็นแบบวอเตอร์เบส เหล่านี้สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดจุดด่างดำจากรอยแผลสิวได้เป็นอย่างดี ถ้ายังไม่เคยใช้มาก่อนก็ขอแนะนำให้ใช้ “ดิฟเฟอริน” เพราะมีความระคายเคืองและผลข้างเคียงน้อยกว่าเรตินเอ
3.ครีมลดรอย จริง ๆ เวลาเรามีรอยดำ หรือรอยแดงจากสิว ก็มีพวกครีม หรือเจลลดรอยแผลเป็นนี่แหละค่ะที่ช่วยเราได้ แนะนำให้เลือกครีมลดรอยดําจากสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน โคจิก ทรานซามิค ฯลฯ ทาแล้วจะเห็นว่ารอยสิวนั้นค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ ใครที่ซื้อมาแล้วก็ต้องขยันทาทุกวันจนกว่ารอยสิวจะหายเนอะ ส่วนรอยสิวจะหายช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับความลึกของรอยสิว หรือรอยแผลเป็นของแต่ละคนเลย ส่วนใหญ่น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
4.กินวิตามิน สำหรับคนที่ไม่ชอบทาครีมหรือทายาลดรอยใดๆ การกินวิตามินเสริมที่ช่วยในการลดรอยสิว ลดจุดด่างดำ ช่วยหน้าขาวใส ก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ แต่การกินวิตามินอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผล อย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องกินเป็นประจำต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลชัดที่สุด ซึ่งวิตามินที่ช่วยในการลดรอยสิวก็ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี โดยวิตามินเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ถ้าจะให้ดีควรศึกษาข้อมูลการกินที่ถูกต้องก่อนเลือกซื้อจะดีที่สุด
5.ลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ ด้วยการใช้กรดผลไม้ (AHA), trichloracetic acid (TCA) ฯลฯ เป็นกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใย คอลลาเจน ในชั้นหนังแท้ เพื่อช่วยลบเลือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำและรอยแผลเป็นจากสิวได้ดี
6.มาส์กหน้า แผ่นมาส์กหน้า ไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้หน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้นเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีบางตัวบางสูตรที่ช่วยในเรื่องของการลดรอยสิวได้ด้วย! ซึ่งการเลือกซื้อแผ่นมาส์กหน้าก็แนะนำให้เลือกซื้อแบบที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์เช่นกันค่ะ เพื่อป้องกันการแพ้ และยังมีมาส์กแบบธรรมชาติที่คุณสามารถทำเองได้ด้วย เช่น มะนาว หัวไชท้าว หอมแดง น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ เป็นต้น
7.เข้าคลินิค การรักษาด้วยเครื่องไอพีแอลและเลเซอร์ แต่การรักษาด้วยเครื่องไอพีแอลเป็นการนำแสงความเข้มสูง ยิงเข้าสู่ผิวหนังเพื่อช่วยขจัดรอยหมองคล้ำต่าง ๆ สามารถช่วยลบรอยดำ รอยแดง จุดด่างดำจากสิวได้ดี อีกทั้งเทคโนโลยีชนิดนี้ยังช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส รักษาฝ้า กระ ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า รวมไปถึงการใช้กำจัดขนส่วนเกิน ฯลฯ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 สัปดาห์ ขั้นต่ำ ประมาณ 3-4 ครั้ง ส่วนการรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นเลเซอร์ที่นิยมนำมาใช้ในการกำจัดจุดด่างดำ เพราะมันสามารถเข้าไปทำให้เม็ดสีกระจายตัวและกลายเป็นสะเก็ดแผลหลังทำ และจะหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ แต่ควรหมั่นทำซ้ำอย่างต่อเนื่องทุก 2 อาทิตย์ นอกจากนี้ก็ยังมีเลเซอร์อีกหลายตัวที่สามารถกำจัดจุดด่างดำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ต่อจุดด่างดำของแต่ละคนด้วยนะ
บอกเลยว่าจากวิธีทั้งหมดข้างต้นจะได้ผลมากขึ้นค่ะ ถ้าดื่มน้ำเปล่ามากขึ้นด้วย เพราะน้ำเปล่า จะช่วยดีท็อกซ์ของเสียในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขาวผ่องมากขึ้น ทำให้ลดรอยสิวต่างๆ ลดจุดด่างให้จางลงเร็วขึ้น