สิวอักเสบ รับมือรักษาสิวอย่างไร เมื่อสิวอักเสบ บุกยึดผิวหน้า
พูดถึงสิว มักไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะมองข้ามไป แม้สิวจะเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ถ้าปล่อยไว้ก็คงจะกลายเป็นธรรมชาติลงโทษ ยิ่งถ้าเป็นสิวอักเสบที่มีหนอง บวมแดงและสร้างความเจ็บปวดด้วยแล้ว งานนี้ ต้องมีประกาศสงครามกันบ้างล่ะ
เดี๋ยวววว ! หยุดก่อนสำหรับใครที่จะประกาศสงครามกับวิธีรักษาสิวอักเสบ เพราะคุณต้องรู้จักสิวอักเสบให้ดี ไม่อย่างนั้นถ้าใจร้อนไปจัดการแบบไม่ถูกวิธี มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
เริ่มที่มาดูกันสิว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้การเกิดสิวอักเสบ เจ้าสิวอักเสบนี้ก็คือสิวทั่วไปที่กลายร่างยกระดับมาเป็น สิงอักเสบเพราะติดเชื้อ จึงทำให้ มีอาการบวมแดงและอักเสบเป็นหนอง การอักเสบเกิดได้จากการที่ หัวสิวแตกและเกิดการรั่วของคอมีโดน (Comedone) มักมาจากการที่เราเอามือไปบีบ แคะ เกา สิวนั่นเอง ก่อให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococci / Streptococci โดยสิวธรรมดาที่จะกลายมาเป็นสิวอักเสบนั้นเกิดได้ทั้งกับสิวชนิดมีหัวและมีหัว อีกหนึ่งสาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes เจ้าเชื้อตัวนี้จะกินไขมันบนผิวหน้าของเราเป็นอาหารและสามารถเจริญเติบโตได้ดี หากมีการอุดตันของไขมันที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง จากนั้นจึงสร้างเอนไซม์ที่เปลี่ยนไขมันให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
สิวอักเสบ ยังแบ่งออกเป็น สิวเสี้ยนที่เกิดจากการอุดตันของกลุ่มขนอ่อนที่อยู่ในรูขุมขน มักจะเกิดบริเวณจมูก คาง และหลัง สิวชนิดตุ่มนูนแดงเป็นการอักเสบแค่ส่วนบนของผิวหนังเท่านั้น สิวชนิดหัวหนองมีทั้งชนิดที่อยู่บนผิวหนังชั้นตื้นและที่อยู่ลึกลงมา สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก อยู่ลึกลงไปและเป็นก้อนบวม มักจะใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนานและทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย และสิวชนิดเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Cyst) ก่อให้เกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่
มาถึงวิธีรักษาสิวอักเสบ จะต้องเอาหัวหนองออกให้หมด จากนั้นจึงค่อยดูแลรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะหรือทายาภายนอก โดยที่สิวอักเสบนั้นจะมีระยะการอักเสบ 3 ระยะต้องรักษาสิวให้ถูกวิธี
ระยะแรก สิวเป็นไต มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและแข็ง เมื่อกดหรือสัมผัสจะรู้สึกเจ็บแต่ว่าไม่มีหัวหนอง สำหรับวิธีการรักษา ให้แต้มยาทาสิวหรือสมุนไพรสำหรับทาสิวเพื่อลดการอักเสบ สิวจะค่อยๆ ยุบลงไปโดยไม่มีหัวหนอง
ระยะที่สอง สิวมีหัวหนองและหัวสิวยังไม่สุก ควรกระตุ้นให้หัวสิวสุกโดยเร็วที่สุด การออกกำลังกายให้ร่างกายของเราเกิดความร้อนจะช่วยเร่งให้สิวสุกเป็นหนองเร็วมากขึ้น เมื่อสิวสุกแล้วควรกดเอาหนองออกให้หมด จากนั้นใช้ครีมแต้มสิวทาบ่อยๆ ก็จะเริ่มตกสะเก็ดแล้วค่อยแต้มด้วยครีมลดรอยแผลเป็นจากสิว
ระยะที่สาม สิวสุก ให้เอาหัวหนองออกให้หมด สิวจะหายไปเองโดยไม่เกิดการติดเชื้อ หรือทาครีมแต้มสิวและครีมลดรอย เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นในระยะยาว
การป้องกันการเกิดสิวอักเสบ
โดยทั่วไป การเกิดสิวอักเสบป้องกันได้ด้วยแนวทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดบนใบหน้า ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำสะอาดและผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า และไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม เพื่อกำจัดไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันบนผิวหนัง
- อาบน้ำชำระล้างร่างกายหลังกิจกรรมที่ใช้แรงหนัก หรือมีเหงื่อออกมาก
- ระมัดระวังในการเลือกใช้แชมพูสระผม เนื่องจากแชมพูบางชนิดที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน อาจอุดตันรูขุมขนใต้ผิวหนัง จนทำให้เกิดสิวอักเสบได้
- ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนเข้านอน ไม่นอนหลับไปพร้อมกับเครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากแสงแดดอาจกระตุ้นกระบวนการอักเสบ ทำให้ผิวคล้ำเสีย และอาจส่งผลต่อยารักษาบางชนิดที่ใช้อยู่ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจ้าหรือได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย
- หากกำลังรักษาสิวด้วยยาหรือการรักษาใด ๆ ควรใส่ใจรับประทานยาและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- ไม่บีบสิว หรือสัมผัสผิวบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวเพิ่มขึ้นมาอีก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังด้วย
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในขณะที่เป็นสิว หรือทาทับบริเวณที่เป็นสิว