ดูเหมือนเป็นเรื่องคุ้นเคยของ สาวออฟฟิศ อย่างเราๆ ที่วันๆ ยุ่งกับงานจนแทบลืมเวลาพักเที่ยง น้ำสักแก้วก็ไม่ได้จิบ ไม่มีแม้แต่เวลาจะส่องเฟสหนุ่มๆ ที่แอบปลื้ม เดี๋ยวก่อน… อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับงานมากไป เพราะดีไม่ดีสาวๆ อาจจะเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว แล้วรู้ไหมเวลาเครียดเมื่อไรร่างกายจะฟ้องทันที ด้วยอาการปวดหัว ไมเกรนกำเริบ หงุดหงิดง่ายขึ้นมาเฉยๆ ก่อนที่เส้นเลือดสมองจะแตกหรือออฟฟิศซินโดรมมาเคาะประตูถามหาไปเสียก่อน ขอให้หาเวลาเบรกตัวเองออกจากชั่วโมงอันยุ่งเหยิง แล้วทำตาม 10 ทริคนี้เพื่อรีแลกซ์กันหน่อยดีกว่า
1.งีบสัก 10-15 นาที
การงีบช่วงพักกลางวันจะช่วยรีเฟรชร่างกายให้รู้สึกสดชื่น แถมสมองยังตื่นตัวขึ้นด้วย ใครไม่เคยลองต้องรีบเลย ช่วงบ่ายจะได้มีแรงลุยงานยาวๆ อ้อ! สัก 10-15 นาทีก็พอนะ เดี๋ยวนานกว่านั้นเจ้านายอาจจะมีปัญหา! ถึงจะเป็นเวลาพักก็เหอะ
2.จงงดกาแฟแก้วที่ 2
ใครๆ ก็รู้ว่าการดื่มกาแฟวันละ 1 แก้วดีต่อสุขภาพ และธรรมชาติของสาวออฟฟิศขาดกาแฟเหมือนขาดใจ แต่เมื่อไรที่ดื่มเป็นแก้วที่ 2 คาเฟอีนจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น รู้สึกใจสั่นและกังวลเพิ่มขึ้น จำไว้ว่าแก้วเดียวก็เกินพอ! ถ้าตัดไม่ขาดจริงๆ แนะนำให้ไปต่อที่ข้อ 3
3.ดื่มน้ำเปล่าผสมเลม่อน
อาการอ่อนเพลีย หมดแรง สมองไม่แล่น หรือคิดอะไรไม่ค่อยออก แถมตาก็เริ่มปรือๆ แล้วทั้งที่เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนดึกเท่าไร เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ประจำตัวของสาวออฟฟิศไปแล้ว ลองดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ ผสมเลม่อนสักแก้ว กลิ่นหอมๆ ของเลม่อนกับความเย็นของน้ำจะช่วยให้สดชื่นขึ้นได้
4.ฟังเพลงโปรด
ลองหยิบหูฟังแล้วเปิดเพลย์ลิสต์ที่ชอบวนไป จะให้ดีลองเปิดเพลงบรรเลงเสียงธรรมชาติอย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง อารมณ์เดียวกับเวลาไปนวดในสปาจะดีที่สุด เพราะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายลงได้ แถมยังช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้ดี แต่กฎมีอยู่ว่าอย่าเปิดเสียงดังจนเกินไป เพราะอาจรบกวนเพื่อนร่วมงานที่กำลังใช้สมาธิในการทำงานได้
5.ให้กลิ่นหอมช่วยบำบัด
ในเมื่อมีดนตรีบำบัดแล้ว รู้หรือไม่ว่ากลิ่นก็ช่วยบำบัดได้ไม่แพ้กัน ลองเลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกไม้ หรือถุงหอมกลิ่นที่ชอบและรู้สึกผ่อนคลายที่สุด วางไว้ในตำแหน่งที่สาวๆ จะได้กลิ่นหรือมุมใดมุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน เชื่อเถอะว่ากลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากทีเดียว แถมยังช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว กระตุ้นพลังงานได้เป็นอย่างดี
6.พักสายตาหันหาวิว
สาวออฟฟิศอย่างเรารู้ดีอยู่แล้วว่าการใช้สายตาจ้องจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปในแต่ละวัน นอกจากไม่เป็นผลดีต่อสายตาแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพตาในระยะยาวด้วย วิธีแก้ไม่ยากเลย แค่พาตัวเองออกจากหน้าจอทุกๆ 1 ชั่วโมง หรือออกไปดูวิวด้านนอกที่มีสวนหรือต้นไม้เขียวๆ ก็ช่วยเยียวยาและเป็นการพักสายตาที่ดีเยี่ยม
7.ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย
สาวๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าการนั่งอยู่กับที่นานๆ โดยไม่ได้ลุกไปไหนเลย ออฟฟิศซินโดรมจะถามหาได้ง่ายๆ เผลอๆ อาจต่อยอดไปเป็นเส้นเลือดขอดได้เลยนะ ลองเปลี่ยนอิริยาบถ เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อด้วยการสละเก้าอี้ตัวโปรด แล้วลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย บิดตัวไปมาที่โต๊ะทำงาน เดินไปเข้าห้องน้ำ หรือขึ้นลงบันไดสั้นๆ แทนการใช้ลิฟต์ จะช่วยให้ลืมความเมื่อยล้าก่อนหน้านี้เป็นปลิดทิ้ง ได้ออกกำลังกายไปในตัว แถมยังลบคำสบประมาทที่ว่าสาวออฟฟิศเป็นมนุษย์ที่ขี้เกียจออกกำลังกายที่สุดได้ด้วย
8.ช็อกโกแลตเติมความหวาน
เคยได้ยินไหมว่าถ้าระหว่างวันร่างกายรู้สึกโหยๆ ให้เติมน้ำตาลเข้าไปสักหน่อย ถ้าความหวานในใจและร่างกายมันต่ำไป ก็ต้องกระตุ้นด้วยของหวานๆ อย่างช็อกโกแลต นอกจากมีส่วนช่วยกระตุ้นสมองแล้ว ยังช่วยลดความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ด้วย เพราะในช็อกโกแลตมีสาร Phenylethylamine ช่วยลดความเครียดได้ แต่ระวังอย่ากินมากไปเพราะอาจจะได้น้ำหนักเพิ่มเป็นของแถม จะหาว่าไม่เตือน
9.ปล่อยวาง ทำใจให้สงบ
สาวออฟฟิศทั้งหลายโปรดเข้าใจตามนี้ เวลาทำงานต้องมีบางครั้งที่เกิดความผิดพลาดไปบ้าง เมื่อเกิดปัญหานี้แนะนำให้สาวๆ ค่อยๆ เรียนรู้และหาวิธีแก้ไขดีกว่ามัวฟิวส์ขาดไม่เลิก รีบกดสวิสต์ระงับอาการลุกลี้ลุกลนด้วยการนั่งนิ่งๆ หายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ เป็นจังหวะจนหายใจได้เต็มปอด จะทำให้การทำงานของหัวใจเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงความดันโลหิตก็จะปกติด้วย สาวๆ จะรู้สึกผ่อนคลายลง และหาทางออกให้กับปัญหาได้ง่ายๆ เลย
10.คิดบวก
ข้อสุดท้ายนี้อาจเหมือนนามธรรมไปสักหน่อย แต่การมองโลกในแง่ดี คิดบวก มีอารมณ์ขัน คิดถึงสิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้บ่อยขึ้น มองเห็นข้อดีของคนอื่นหรือสิ่งดีๆ ที่หยิบยื่นให้เรา จะช่วยให้เครียดน้อยลงและมีความสุขในการทำงานมากขึ้นได้นะสาวๆ ไม่เชื่อลองดูสิ
ได้รู้ 10 วิธีรีแลกซ์ตัวเองแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองในด้านอื่นๆ ด้วย อาทิ กินข้าวให้เป็นเวลา พักจิบน้ำบ้างระหว่างวัน ไม่โหมงานหนัก ไม่กลับบ้านดึก หาเวลาออกกำลังกายและนอนให้เป็นเวลา อย่าปล่อยให้ตัวเองติด #สาวออฟฟิศ ที่เข้าข่ายร่างพังทั้งที่มีวิธีง่ายๆ ที่จะปลดล็อคตัวเองได้ แล้วค่อยมา Work Hard, Play Harder ไปด้วยกัน
